วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มูลไส้เดือน ตราไส้เดือนถือจอบ (เทคโนโลยีชาวบ้าน)





ดินและปุ๋ย
สิริพร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา

หนุ่มวิศวะหัวใส เลี้ยงไส้เดือน ใช้มูลผลิตปุ๋ยอินทรีย์
ปัจจุบัน ปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการใช้สารเคมีอย่างแพร่หลาย อาทิ ด้านเกษตรกรรม ที่เกษตรกรมักใช้ในการกำจัดพวกแมลงศัตรูพืช หรือใช้สารเคมีในการช่วยเร่งพืชให้ออกดอก ออกผล จึงทำให้หน่วยงานราชการหรือแม้กระทั่งหน่วยงานเอกชน ช่วยกันรณรงค์การงดใช้สารเคมีในการไล่แมลง โดยให้หันมาใช้วิธีการไล่แมลงจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำหมักชีวภาพ หรือปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อเป็นการลดภาวะโลกร้อน และเป็นการช่วยให้ผู้บริโภคไม่เสี่ยงต่อสารเคมีตกค้างในผลผลิตด้วย

คุณ ศราวุธ มะลิชัย (ศราวุฒิ มลิชัย) หนุ่มวิศวะอิเล็กทรอนิกส์ วัย 27 ปี (24ปี) หัวใจรักการทำอาชีพการเกษตร เปิดเผยถึงสาเหตุที่เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะความสงสัยในเรื่องของเครื่องเสียงติดรถยนต์ว่าจะทำอย่างไรให้เสียงนุ่ม น่าฟัง การทำเครื่องเสียงให้ล้ำและทันสมัยได้อย่างไร แต่สิ่งที่หล่อหลอมจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ล้วนแล้วมาจากสิ่งแวดล้อมที่ พ่อแม่ และญาติๆ เป็นชาวนาและเกษตรกร หลังจากมาทำงานด้านวิศวะ จึงรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน หรืองานบริษัท ที่ไม่ใช่ของคนไทย เหมือนเขาหลอกเอาขยะมาทิ้งบ้านเรา นับตั้งแต่วันนั้นมาจึงมองย้อนไปว่า จะทำอย่างไร ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้

การ เลี้ยงไส้เดือนจึงกลายเป็นความคิดแรกที่เชื่อว่าจะสามารถทำได้จริง เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวบ้านได้เข้ามาศึกษาและนำไปเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพ หรือนำไปใช้ประโยชน์กับพืชสวนไร่นาของตัวเองได้ ซึ่งก่อนที่จะมาเลี้ยงไส้เดือนนี้ได้ลองผิดลองถูกหลายอย่าง เช่น การเลี้ยงหนอนนก ที่ได้ล้มเลิกไปเพราะหนอนนกชอบอากาศเย็น แต่นำมาเลี้ยงที่บ้าน อากาศร้อน จึงทำให้หนอนตายหมด

คุณศราวุธ ยังเล่าต่อว่า มีอยู่วันหนึ่งได้อ่านหนังสือเจอการเลี้ยงไส้เดือน จึงเกิดความสนใจ และศึกษาหาข้อมูลการเลี้ยงไส้เดือนอย่างจริงจัง ประกอบกับตนเองสนใจในเรื่องของการทำการเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว และไส้เดือนสามารถตอบโจทย์ของตนเองได้คือ แหล่งอาหารของไส้เดือนคือกินอะไรก็ได้โดยเฉพาะขยะอินทรีย์ ไส้เดือนเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ไส้เดือนดินมีลักษณะของลำตัวจะเป็นข้อปล้อง ส่วนมากจะพบได้ทั่วไปในดิน ใต้กองใบไม้หรือมูลสัตว์ จึงทำให้เป็นสัตว์ที่เลี้ยงดูง่าย ไส้เดือนมีโปรตีนอยู่ในตัวมาก ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักตัว เลยตัดสินใจเลี้ยงเพราะเหมาะสำหรับนำมูลของไส้เดือนที่มีประโยชน์ต่อต้นไม้ ในการเจริญเติบโต มาใส่ให้กับต้นไม้

สำหรับการเลี้ยงไส้เดือน ได้นำมูลวัวมาเป็นอาหารเลี้ยงไส้เดือน เนื่องจากมูลวัวแห้งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี และหาได้ง่ายใน้ท้องถิ่น เมื่อไส้เดือนกินมูลวัวไปแล้วถ่ายออกมา ก็จะเป็นโปรตีนที่ดี เหมาะสำหรับนำไปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพราะมูลของไส้เดือนจะแปรไปตามอาหารที่กินเข้าไป ที่สำคัญไส้เดือนเป็นสัตว์จำพวกที่ชอบกินอาหารในมูลสัตว์เคี้ยวเอื้องอยู่ แล้ว

การขยายพันธุ์ไส้เดือน คุณศราวุธ บอกว่า ไส้เดือนเป็นสัตว์ 2 เพศ สามารถขยายพันธุ์ได้เอง ทุกวันนี้สามารถผลิตมูลไส้เดือนส่งจำหน่าย เดือนละ 1 ตัน นำมาคัดแยกเกรดได้ 3 เกรด ก่อนนำมาบรรจุใส่ถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม และถุงละ 25 กิโลกรัม ออกจำหน่ายเป็นปุ๋ยอินทรีย์มูลไส้เดือน การคัดแยกมูลไส้เดือนนั้นได้ใช้เครื่องร่อนมูลไส้เดือน ซึ่งจะต้องได้ตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตร เรื่องมาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานมาให้ ซึ่งการจะนำมูลไส้เดือนบรรจุเพื่อจำหน่าย ก็ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงในการคัดแยกมูลของไส้เดือนให้ได้ตามมาตรฐาน ตนได้ไอเดียมาจากเครื่องร่อนข้าวเปลือกจากโรงสีข้าว นำมาดัดแปลงและออกแบบให้ช่างทำเครื่องร่อนมูลไส้เดือนขึ้นมาใช้งาน จึงทำให้ผลผลิตได้คุณภาพและตรงตามมาตรฐานที่ทางการกำหนดไว้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (085) 837-4697

คัดลอกมาจาก นติยาสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2555 (หน้า 68)

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คนกล้าฝัน ตอน จากดินสู่ฝัน



รายการ คนกล้าฝัน ตอน จากดินสู่ฝัน วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 9.30 น. Thai PBS
 วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.30 น. (Rerun)

"....ศราวุฒิ มลิชัย หรือต้อม วิศวกรหนุ่มจากเมืองสุพรรณ วัย 24 ปี ที่มุ่งมั่นจะเป็นเกษตรกรและเดินทางสวนกระแสโลกเทคโนโลยีกลับมาทำเกษตรในแบบ เกษตรอิน­ทรีย์ เขาจบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
หลังจากกลับจากการไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้ทดลองและเริ่มสร้างความฝันเล็กๆ ที่บ้านของเขาเอง โดยเริ่มทำปุ๋ยจากมูลไส้เดือน แม้ไม่ได้จบสาขาวิชาการเกษตรมาโดยตรง แต่ก็อาศัยช่วงเวลาก่อนนอนอ่านหนังสือเพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเกษตร ด้วยตนเอ­ง ความสำเร็จในด้านการเกษตรอาจจะไม่เห็นผลได้ใน 1 ช่วงอายุคน แต่เขาก็ไม่ย่อท้อยังคงมุ่งมั่นที่จะทดลอง เริ่มต้นก่อร่างสร้างความฝันนั้นขึ้นมาจากดิน..."

หลายคนดูแล้วไม่รู้จะติดต่อเราที่ไหน สามารถติดต่อเราได้ที่ http://www.satifarm.in.th/
Facebook: www.facebook.com/wormtj
Email: satifarm@gmail.com
หรือ โทร 085-8374697, 087-3211545, 089-0065596

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ต่ออายุคุณ ต่ออายุโลก


ร่วมรณรงค์กับโครงการ "ต่ออายุคุณ ต่ออายุโลก" ช่วยโลกง่ายๆ เพียงแค่... ปลูกต้นไม้ ในวันเกิดของตัวเอง เพื่ออายุที่ยืนยาวในชาตินี้

"สติฟาร์ม" ขอเชิญชาว Facebookร่วมแชร์รณรงค์กับโครงการ "ต่ออายุคุณ ต่ออายุโลก" ด้วยการแบ่งเวลาสังสรรค์ในวันเกิดของคุณเอง มาปลูกต้นไม้กันเถอะ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลไปปลูกป่า ไปจำเป็นต้องไม้ยืนต้นใหญ่โต หาต้นไม้ที่คุณชอบ ให้เหมาะสมกับสถานที่ที่คุณอยู่ จะเป็นผัก ดอกไม้ หรือต้นอะไรก็ได้ ปลูกต้นไม้นั้นแล้วดูแลมันอย่างดี เพื่อเป็นการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวคุณเอง

เพียงเท่านี้ก็จะทำให้วันเกิดของคุณหรือคนที่คุณรักมีคุณค่าขึ้นมาเลยทีเดียว

ขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสิ่งแวดล้อมไปกับเรา
สติฟาร์ม

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทำไมต้อง "ไส้เดือน"

เมื่อเริ่มคิดว่าจะทำเกษตรแล้ว เราจึงมองสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน นั่นก็คือเกษตรที่ปลอดสารเคมี บางคนก็เรียกว่า เกษตรอินทรีย์ (Organic) เราจึงคิดอยู่พักหนึ่งเลย ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ที่จะลดการใช้สารเคมีได้ ซึ่งเดิมครอบครัวผมก็เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว แต่ก็ยังใช้สารเคมีอยู่ เราจึงมองย้อนไปเรื่อยๆ จากผลผลิต สู่ใบ สู่ลำต้น จนถึงราก มันไปจบที่ดิน ใช่เลย! "ดิน" ต้องเริ่มที่ดิน ถ้าดินดี ก็ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี

เราจึงเริ่มพัฒนาดิน เลยไปดูว่าดินดี ต้องมีอะไรบ้าง เราพบว่าดินดีคือดินที่มีชีวิต คือมีจุลทรีย์ มีธาตุอาหาร มีอินทรีย์วัตถุ ถ้าดินดีแล้วสังเกตุได้จาก"ไส้เดือน" ถ้ามีไส้เดือนดิน แสดงว่าไม่มีสารพิษ หรือมีน้อยมาก ไม่เช่นนั้นแล้วไส้เดือนจะตาย

เป็นเรื่องบังเอิญผมได้มีโอกาสศึกษาเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนและประโยชน์ของมูลไส้เดือน พบว่าไส้เดือนสามารถช่วยในกระบวนการย่อยสลายวัตถุอินทรีย์ถึง 20 เท่า อีกทั้งมูลไส้เดือนยังมีธาตุอาหารสูง และช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินหลายประการ ผมจึงตัดสินใจ ไปดูงานที่ฟาร์มไส้เดือนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุทธสาคร และได้ลองนำมูลไส้เดือนมาใช้กับต้นไม้ ปรากฎว่าได้ผลดีมาก ผมจึงตัดสินใจเริ่มเลี้ยงไส้เดือน เราปล่อยไส้เดือน ชุดแรก วันที่ 12 สิงหาคม 2554 วันแม่แห่งชาติ เราจึงนับวันนั้น เป็นวันเริ่มต้นก่อตั้ง "สติฟาร์ม" เป็นต้นมาแต่วันนั้น

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หยั่งรากลึกล้ำ

นี่คือการเขียน Blog ครั้งแรกของผม ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

ผมเป็นวิศวกร ผมเกิดมาจากครอบครัวชาวนา เป็นเด็กบ้านนอกที่เติบโตมากับท้องไร่ท้องนา ฐานะค่อนข้างยากจน ภาพของชาวนาในความทรงจำของผม คือ ภาพแห่งความลำบาก ภาพแห่งความยากจน

ซึ่งต่างจากภาพพ่อค้าคนกลางหรือชาวบ้านเรียกว่า "เถ้าแก่" หรือไม่ก็ "เถ้าแก่โรงสี" ภาพมันต่างกันกับภาพชาวนามากราวฟ้ากับดิน

จากการทำงานในแวดวงโรงงานอุตสาหกรรมของผม ทำให้ผมคิดว่า ประเทศไทยแทบจะไม่มีรากฐานของวิศวกรรมที่เป็นของไทยเองเลย เราเหมือนเป็นแค่ผู้ใช้แรงงานเท่านั้น เพียงเพราะค่าแรงเราถูก ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาจากต่างประเทศ แล้วก็มาผลิตในบ้านเรา เอาอากาศเน่าๆมาทิ้งบ้านเรา แล้วก็มาหลอกเราว่า ทำให้เรามีงานทำ มาสร้างกระแส วัตถุนิยม ทุนนิยมให้เรา แล้วก็มาบอกว่าประเทศเราเจริญ

ทำให้ผมฉุกคิดว่าประเทศไทยมีรากจากอะไร จึงมองย้อนไปถึงตัวเอง ว่าเรามีรากชีวิตจากอะไร ทำให้คิดถึง ปัจจัยสี่ขึ้นมาทันที คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยมีและอุดมสมบูรณ์ด้วย แต่ก็น่าแปลกใจ ทำไมชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนายังยากจนกันอยู่ การหารายได้ของลูกหลายชาวนาในต่างจังหวัดจึงมากระจุก รวมอยู่ในเมืองใหญ่ ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น การจราจร อาชญากรรม ขาดแคลนที่อยู่อาศัย น้ำเสีย ฯลฯ

จะทำอย่างไรให้ผู้คนเหล่านี้กระจายหรือกลับภูมิลำเนา พูดง่ายๆคือ กลับสู่รากของพวกเรา

ผมจึงตั้งปณิธานไว้ว่า "ผมอยากทำให้ชาวบ้านชาวไร่ชาวนารวย" ผมยังไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรต่อไปหรอกนะ แต่นี่คือความตั้งใจของผม

ผมจึงหันมาสนใจเกษตรกรรมและนำความรู้ นำแนวคิด ที่ล่ำเรียนมาไปประยุกต์ใช้กับเกษตรกรรม

ผมโชคดีมาก ที่ได้เจอเพื่อนอีกสองคนที่มีความรู้ความสามารถและมีแนวคิดตรงกัน และเรากำลังเดินไปบนเส้นทางของเรา และตั้งกลุ่มของเราว่า "สติฟาร์ม" คือ การเพาะพันธุ์ด้วยสติ นั่นเอง เพื่อเป็นอีกแรง แรงเล็กๆที่จะช่วยพัฒนาประเทศของเรา ให้ทุกคนมีความสุขต่อไป

ตอนนี้เราก็เริ่มคุยอะไรกันบ้างแล้ว ผมจะมาเขียนเรื่องราวให้อ่านกันนะครับ