วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทำไมต้อง "ไส้เดือน"

เมื่อเริ่มคิดว่าจะทำเกษตรแล้ว เราจึงมองสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน นั่นก็คือเกษตรที่ปลอดสารเคมี บางคนก็เรียกว่า เกษตรอินทรีย์ (Organic) เราจึงคิดอยู่พักหนึ่งเลย ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ที่จะลดการใช้สารเคมีได้ ซึ่งเดิมครอบครัวผมก็เป็นเกษตรกรอยู่แล้ว แต่ก็ยังใช้สารเคมีอยู่ เราจึงมองย้อนไปเรื่อยๆ จากผลผลิต สู่ใบ สู่ลำต้น จนถึงราก มันไปจบที่ดิน ใช่เลย! "ดิน" ต้องเริ่มที่ดิน ถ้าดินดี ก็ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี

เราจึงเริ่มพัฒนาดิน เลยไปดูว่าดินดี ต้องมีอะไรบ้าง เราพบว่าดินดีคือดินที่มีชีวิต คือมีจุลทรีย์ มีธาตุอาหาร มีอินทรีย์วัตถุ ถ้าดินดีแล้วสังเกตุได้จาก"ไส้เดือน" ถ้ามีไส้เดือนดิน แสดงว่าไม่มีสารพิษ หรือมีน้อยมาก ไม่เช่นนั้นแล้วไส้เดือนจะตาย

เป็นเรื่องบังเอิญผมได้มีโอกาสศึกษาเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนและประโยชน์ของมูลไส้เดือน พบว่าไส้เดือนสามารถช่วยในกระบวนการย่อยสลายวัตถุอินทรีย์ถึง 20 เท่า อีกทั้งมูลไส้เดือนยังมีธาตุอาหารสูง และช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินหลายประการ ผมจึงตัดสินใจ ไปดูงานที่ฟาร์มไส้เดือนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุทธสาคร และได้ลองนำมูลไส้เดือนมาใช้กับต้นไม้ ปรากฎว่าได้ผลดีมาก ผมจึงตัดสินใจเริ่มเลี้ยงไส้เดือน เราปล่อยไส้เดือน ชุดแรก วันที่ 12 สิงหาคม 2554 วันแม่แห่งชาติ เราจึงนับวันนั้น เป็นวันเริ่มต้นก่อตั้ง "สติฟาร์ม" เป็นต้นมาแต่วันนั้น

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หยั่งรากลึกล้ำ

นี่คือการเขียน Blog ครั้งแรกของผม ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

ผมเป็นวิศวกร ผมเกิดมาจากครอบครัวชาวนา เป็นเด็กบ้านนอกที่เติบโตมากับท้องไร่ท้องนา ฐานะค่อนข้างยากจน ภาพของชาวนาในความทรงจำของผม คือ ภาพแห่งความลำบาก ภาพแห่งความยากจน

ซึ่งต่างจากภาพพ่อค้าคนกลางหรือชาวบ้านเรียกว่า "เถ้าแก่" หรือไม่ก็ "เถ้าแก่โรงสี" ภาพมันต่างกันกับภาพชาวนามากราวฟ้ากับดิน

จากการทำงานในแวดวงโรงงานอุตสาหกรรมของผม ทำให้ผมคิดว่า ประเทศไทยแทบจะไม่มีรากฐานของวิศวกรรมที่เป็นของไทยเองเลย เราเหมือนเป็นแค่ผู้ใช้แรงงานเท่านั้น เพียงเพราะค่าแรงเราถูก ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาจากต่างประเทศ แล้วก็มาผลิตในบ้านเรา เอาอากาศเน่าๆมาทิ้งบ้านเรา แล้วก็มาหลอกเราว่า ทำให้เรามีงานทำ มาสร้างกระแส วัตถุนิยม ทุนนิยมให้เรา แล้วก็มาบอกว่าประเทศเราเจริญ

ทำให้ผมฉุกคิดว่าประเทศไทยมีรากจากอะไร จึงมองย้อนไปถึงตัวเอง ว่าเรามีรากชีวิตจากอะไร ทำให้คิดถึง ปัจจัยสี่ขึ้นมาทันที คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยมีและอุดมสมบูรณ์ด้วย แต่ก็น่าแปลกใจ ทำไมชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนายังยากจนกันอยู่ การหารายได้ของลูกหลายชาวนาในต่างจังหวัดจึงมากระจุก รวมอยู่ในเมืองใหญ่ ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น การจราจร อาชญากรรม ขาดแคลนที่อยู่อาศัย น้ำเสีย ฯลฯ

จะทำอย่างไรให้ผู้คนเหล่านี้กระจายหรือกลับภูมิลำเนา พูดง่ายๆคือ กลับสู่รากของพวกเรา

ผมจึงตั้งปณิธานไว้ว่า "ผมอยากทำให้ชาวบ้านชาวไร่ชาวนารวย" ผมยังไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรต่อไปหรอกนะ แต่นี่คือความตั้งใจของผม

ผมจึงหันมาสนใจเกษตรกรรมและนำความรู้ นำแนวคิด ที่ล่ำเรียนมาไปประยุกต์ใช้กับเกษตรกรรม

ผมโชคดีมาก ที่ได้เจอเพื่อนอีกสองคนที่มีความรู้ความสามารถและมีแนวคิดตรงกัน และเรากำลังเดินไปบนเส้นทางของเรา และตั้งกลุ่มของเราว่า "สติฟาร์ม" คือ การเพาะพันธุ์ด้วยสติ นั่นเอง เพื่อเป็นอีกแรง แรงเล็กๆที่จะช่วยพัฒนาประเทศของเรา ให้ทุกคนมีความสุขต่อไป

ตอนนี้เราก็เริ่มคุยอะไรกันบ้างแล้ว ผมจะมาเขียนเรื่องราวให้อ่านกันนะครับ